วันที่: 05-10-2013
การกรวดน้ำคือการกระทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การกรวดน้ำใช้ได้ทั้งงานมงคลและอวมงคล
มีวิธีปฏิบัติดังนี้
1.น้ำที่ใช้กรวดน้ำต้องไมมีสิ่งเจือปนเป็นน้ำบริสุทธิ์
2.ใช้ภาชนะสำหรับกรวดน้ำโดยเฉพาะ ถ้าไม่มีอาจใช้แก้วน้ำหรือขันน้ำ
3.การกรวดน้ำกระทำหลังถวายภัตตาหารเพลหรือเครื่องไทยธรรมแล้ว เมื่อพระสงฆ์ผู้เป็นประธานเริ่มสวดว่า"ยถา วาริวหา....."เจ้าภาพก็เริ่มหลั่งน้ำอุทิศส่วนกุศล ควรนั่งพับเพียบจับที่กรวดน้ำด้วยมือทั้งสอง แล้วรินน้ำให้ไหลลงเป็นสายไม่นิยมใช้มือรองรับสายน้ำนั้น แต่ถ้าภาชนะนั้นปากกว้างเช่นเป็นแก้วหรือขันน้ำให้ใช้นิ้วชี้ซ้ายแตะภาชนะให้น้ำไหลลงเป็นสายทีละน้อยไม่ขาดตอน พึงสำรวมใจอุทิศให้ญาติผู้ล่วงลับสั้นๆว่า "อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ สุขิตา โหนฺตุ ญาตโญ"หรือจะใช้บทที่เริ่มด้วย"อิมินา ปุญญกมฺเมน" หรือบทที่เริ่มด้วย "ยงฺกิญจิ กุสลกมฺมํ"ก็ได้ ถ้าจำบาลีไม่ได้ก็กรวดน้ำเป็นคำไทยก็ได้ นอกจากตั้งใจให้ญาติเป็นส่วนรวมแล้วยังนิยมอุทิศระบุชื่อ นามสกุลของผู้ล่วงลับอีกด้วย
การอนุโมทนา
เมื่อพระสวดบทกรวดน้ำแล้ว ก็จะสวดบทอนุโมทนาต่อไปว่า"สัพพีติโย...."ก็ให้ผู้กรวดน้ำรินน้ำที่กรวดลงในภาชนะให้หมด แล้วประนมมือรับอนุโมทนาจนจบ การรินน้ำไปเรื่อยๆจนพระสวดจบถึงอายุ วัณโณ สุขัง พลัง นับว่าไม่ถูก พึงทราบว่าบท "ยถา"คือกรวดน้ำให้ผี ส่วน"สัพพี"เป็นบทให้พรคนเป็น พอพระสัพพีจึงควรประนมมือรับพร ทั้งนี้คำสวดอนุโมทนาที่ว่า "สพฺพีตีโย วิวชฺชนฺตุ....ไปจนถึงอายุ วณฺณ สุขํ พลํ" แปลว่า ขอให้ความจัญไรทั้งปวงจงหายไป โรคทั้งปวงจงพินาศ อันตรายทั้งปวงจงอย่ามีแก่ท่าน (ขอท่าน) จงเป็นสุขมีอายุยืน พรทั้ง4ประการคือ อายุยืน ผิวพรรณงาน มีความสุข มีพลังกาย-ใจแข็งแรง ย่อมมีแก่ผู้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นนิจเมื่อพระสวดจบแล้วจึงนำน้ำที่กรวดอุทิศส่วนกุศลไปเทลงที่พื้นดิน โดยเทรดต้นไม้ที่นอกอาคารเรือน อย่าเทลงในที่สกปรก เพราะน้ำที่กรวดนั้นแสดงถึงใจอันบริสุทธิ์ของผู้กรวดน้ำที่มีต่อผู้ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง
จากหนังสือ"มารยาทชาวพุทธ"โดยสมทรง ปุญญฤทธิ์
|
|
|